จากเส้นทางที่ท้าทายสู่การเกษตรที่ยั่งยืน: เรื่องราวของคุณวิสา หล้าคำภา เกษตรกรผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในแปลงมันฝรั่งไทย

ด้วยการนำแนวทางการทำเกษตรแบบฟื้นฟูตลอดทั้งไร่ คุณวิสา หล้าคำภาและเกษตรกรผู้ปลูกมันฝรั่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับครอบครัวและชุมชน

สำหรับคุณวิสา หล้าคำภา ความแข็งแกร่งไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นวิถีชีวิตที่หล่อหลอมเธอมา เธอเติบโตที่อีสาน และเผชิญความยากลำบากตั้งแต่วัยเด็ก

“ฉันโตที่ขอนแก่น เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย เป็นเด็กบ้านนอกของจริง” วิสาเล่า “ชีวิตคนอีสานมันไม่ง่ายเลย บางวันมีเงิน บางวันก็ไม่มี แต่เราก็ต้องก้าวต่อไป”

ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้เธอมีพลังและความมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับตัวเอง ครอบครัว และชุมชน และทุกวันนี้ วิสากำลังช่วยหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งการเปลี่ยนแปลงให้กับการเกษตรไทย

ยืนหยัดท่ามกลางความท้าทายจากสภาพภูมิอากาศ

ตลอดสิบปีที่ผ่านมา วิสาปลูกมันฝรั่งร่วมกับเป๊ปซี่โคเพื่อนำไปทำมันฝรั่งทอดเลย์ แต่ไม่กี่ปีมานี้ เธอต้องเจอกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ทั้งฝนแล้ง ฝนทิ้งช่วง ดินถล่ม และไฟป่าที่ทำลายผลผลิต ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเธอ และยังสั่นคลอนห่วงโซ่อาหารของชุมชน

“การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทำให้วิธีทำเกษตรแบบเดิมใช้ไม่ได้อีกต่อไป” วิสาเล่า “เราหยุดภัยธรรมชาติไม่ได้ แต่ถ้าเราสู้ด้วยวิถีเกษตรที่ยั่งยืน ก็อาจช่วยลดความรุนแรงของมันได้”

เมื่อสภาพอากาศแปรปรวนจนผลผลิตลดลง วิสาจึงเริ่มมองหาทางออกใหม่ ในปี 2565  เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ร่วมมือกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ผ่านโครงการ develoPPP เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานมันฝรั่งที่แข็งแรงและยั่งยืนมากขึ้น โครงการนี้มุ่งช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการให้ความรู้ การเสริมสร้างศักยภาพ และส่งเสริมการทำเกษตรแบบองค์รวม โดยเน้นเกษตรเชิงฟื้นฟูทั้งฟาร์ม ไม่ใช่แค่พืชเพียงชนิดเดียว

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้นเกินความคาดหมายเป๊ปซี่โค และ GIZ ได้อบรมเกษตรกรกว่า 3,000 คน ให้เรียนรู้วิธีการทำเกษตรที่ช่วยให้ฟาร์มทำกำไรได้มากขึ้น และสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ดียิ่งขึ้น ระหว่างปี 2565-2567 เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 50% และสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อการผลิตมันฝรั่งหนึ่งตันได้ถึง 27%

ปลูกให้ได้ผลผลิตมากขึ้น แต่ใช้ทรัพยากรน้อยลง

เพื่อให้ฟาร์มของเธอแข็งแรงขึ้น วิสาจึงตัดสินใจเข้าร่วมการอบรมด้านเกษตรอัจฉริยะเพื่อรับมือกับสภาพภูมิอากาศและเกษตรยั่งยืน ซึ่งจัดโดย GIZ และเป๊ปซี่โค เธอเล่าว่า “ฉันสนใจเรื่องเกษตรอยู่แล้ว ที่ไหนมีการอบรม ฉันก็ไม่เคยพลาดเลย”

ในหลักสูตร เธอได้เรียนรู้วิธีการใหม่ ๆ เช่น “การให้น้ำแบบเปียกสลับแห้ง” ในการทำนา ซึ่งคือการปล่อยน้ำออกเป็นช่วง ๆ แล้วค่อยเติมกลับ วิธีนี้ช่วยลดทั้งการใช้น้ำและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เธอยังได้เรียนรู้การปลูกพืชหมุนเวียน ทั้งข้าว มันฝรั่ง และข้าวโพด เพื่อใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เติมสารอาหารให้ดินตามธรรมชาติ และช่วยประหยัดน้ำ ขณะเดียวกันในไร่มันฝรั่งและข้าวโพดของเธอนั้น วิสาได้นำระบบน้ำหยดที่มีประสิทธิภาพมาใช้ ทำให้ใช้น้ำน้อยลง ลดการชะล้างของดิน และลดการสูญเสียน้ำโดยเปล่าประโยชน์

เมื่อวิสาปรับเปลี่ยนวิธีทำเกษตร เธอใช้น้ำและสารเคมีกำจัดศัตรูพืชน้อยลง ผลผลิตจึงงอกงามกว่าเดิม และรายได้จากการเก็บเกี่ยวก็เพิ่มขึ้นตามลำดับ

หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งการเรียนรู้

ด้วยการสนับสนุนจากเป๊ปซี่โคและ GIZ วิสาได้ถ่ายทอดความรู้และเครื่องมือให้กับเพื่อนเกษตรกร เพื่อหันมาใช้การเกษตรเชิงฟื้นฟู ปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง และร่วมกันสร้างอาหารแห่งอนาคตที่มั่นคงยิ่งขึ้น ความตั้งใจของเธอได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการแบ่งปันความรู้ กระจายออกไปทั่วชุมชนในภูมิภาค

ในหมู่บ้าน วิสากลายเป็นทั้งครูและแบบอย่าง ทุกคนเรียกเธออย่างเอ็นดูว่า “หมอพืช” เธอคอยเป็นพี่เลี้ยงให้เกษตรกรผู้หญิง ในการจัดเวิร์กช็อปในชุมชน และเปิดนาข้าวของตัวเองเป็นแปลงสาธิตให้คนมาศึกษา เพื่อนบ้านก็มักจะแวะมาถามวิธีการทำเกษตรจากเธออยู่เสมอ ด้วยความตั้งใจและน้ำใจที่พร้อมแบ่งปัน วิสาจึงกลายเป็นคนที่ชุมชนไว้วางใจ

ปกป้องผืนดินเพื่อคนรุ่นต่อไป

ความสำเร็จของวิสาเป็นเครื่องยืนยันว่า เมื่อองค์ความรู้ระดับสากลผสานกับความมุ่งมั่นของคนในท้องถิ่น เรื่องราวดี ๆ จึงเกิดขึ้น ทุกครั้งที่เธอเข้าร่วมการอบรม ทุกผลผลิตที่เธอดูแล และเกษตรกรที่เธอให้การสนับสนุน ล้วนเป็นก้าวสำคัญในการสร้างอนาคตที่เกษตรกรรมไทยจะยืนหยัด และรับมือกับความท้าทายจากสภาพภูมิอากาศได้ดียิ่งขึ้น

“ครอบครัวคือแรงแรงบันดาลใจของฉันเสมอ” วิสากล่าว “ในอนาคตฉันอยากเป็นเกษตรกรที่มั่นคงและยั่งยืน ไม่เป็นภาระให้ลูกหลาน แต่อยากมีผืนดินไว้ส่งต่อให้พวกเขาได้ใช้ต่อไป”

เราช่วยให้เกษตรกรไทยก้าวผ่านความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เป๊ปซี่โคร่วมกับ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ถ่ายทอดความรู้ให้คุณวิสา หล้าคำภา และเกษตรกรอีกหลายพันคนในภาคอีสาน เพื่อเรียนรู้การทำเกษตรที่ไม่เพียงช่วยเพิ่มรายได้ แต่ยังดูแลรักษาผืนดินให้ยั่งยืนต่อไป

ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ: โครงการนี้ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 50% และยังลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อผลผลิตหนึ่งตันได้ถึง 27%

  ​​

ข่าวสารเพิ่มเติม